ประวัติวันตรุษจีน ข้อห้าม-ข้อควรทำ เพื่อเสริมสิริมงคลในปีใหม่จีน

วันตรุษจีนถือเป็นเทศกาลสำคัญที่ชาวจีนทั่วโลกร่วมเฉลิมฉลอง โดยเป็นวันปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติจีน ซึ่งเปรียบเสมือนวันสงกรานต์ของไทยที่เต็มไปด้วยการเฉลิมฉลอง ความอบอุ่นในครอบครัว และการปฏิบัติตามธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมาหลายศตวรรษ

ในปี 2568 วันตรุษจีนตรงกับวันพุธที่ 29 มกราคม ซึ่งแบ่งออกเป็นสามช่วงสำคัญ ได้แก่ วันจ่าย (27 มกราคม), วันไหว้ (28 มกราคม) และ วันเที่ยว (29 มกราคม)

วันตรุษจีน 2568: ความสำคัญในแต่ละวัน

  1. วันจ่าย (27 มกราคม 2568)
    วันก่อนตรุษจีนที่ชาวจีนออกมาซื้อของเซ่นไหว้ เช่น อาหาร ผลไม้ และของใช้ในพิธีกรรม ก่อนร้านค้าปิดในช่วงเทศกาล

  2. วันไหว้ (28 มกราคม 2568)

    • ตอนเช้ามืด: ไหว้เทพเจ้า (ป้ายเล่าเอี๊ย) ด้วยอาหาร เช่น หมู เป็ด ไก่ และกระดาษเงินกระดาษทอง
    • ช่วงสาย: ไหว้บรรพบุรุษ (ป้ายแป๋บ้อ) ด้วยอาหารที่ผู้ล่วงลับชื่นชอบ พร้อมเผากระดาษเงินกระดาษทอง
    • ตอนบ่าย: ไหว้ผีไม่มีญาติ (ป้ายฮ่อเฮียตี๋) โดยใช้ขนมเข่ง ขนมเทียน และจุดประทัดเพื่อขจัดสิ่งไม่ดี
  3. วันเที่ยว (29 มกราคม 2568)
    วันปีใหม่จีนที่ชาวจีนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสดใส ออกเยี่ยมญาติผู้ใหญ่และเพื่อนฝูง พร้อมถือธรรมเนียมงดทำสิ่งที่ไม่เป็นมงคล

ข้อห้ามในวันตรุษจีน

เพื่อความเป็นสิริมงคล ชาวจีนมีข้อห้ามหลายประการในวันตรุษจีน เช่น:

  • ห้ามสระหรือตัดผม: เชื่อว่าจะนำความมั่งคั่งออกไป
  • ห้ามพูดคำหยาบหรือทะเลาะ: เพราะเชื่อว่าจะนำโชคร้ายมาทั้งปี
  • ห้ามกินโจ๊กหรือเนื้อสัตว์ตอนเช้า: เป็นการขัดโชคลาภ
  • ห้ามซักผ้า: เนื่องจากวันตรุษจีนถือเป็นวันเกิดของเทพเจ้าแห่งน้ำ
  • ห้ามใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ: เป็นสัญลักษณ์ของความตาย
  • ห้ามให้ยืมเงินหรือทำของแตก: เพราะจะนำพาปัญหาและโชคร้าย

สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน

  • ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ: ด้วยของไหว้ที่ครบถ้วนตามประเพณี
  • แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดง: เพื่อความโชคดี
  • พบปะครอบครัวและญาติผู้ใหญ่: แสดงความกตัญญูและรับคำอวยพรเพื่อเสริมสิริมงคล

วันตรุษจีนไม่ใช่เพียงเทศกาลแห่งความสุขและความโชคดี แต่ยังเป็นวันที่รวมความสัมพันธ์ในครอบครัวและการสืบทอดวัฒนธรรมจีนที่ยาวนานอีกด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า