REM Sleep คืออะไร?
REM sleep หรือ การนอนหลับฝัน (Rapid Eye Movement sleep) เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการนอนหลับของเราค่ะ โดยทั่วไปแล้ว การนอนหลับจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ:
NREM sleep (Non-Rapid Eye Movement sleep): เป็นช่วงการนอนหลับที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของดวงตาอย่างรวดเร็ว แบ่งออกเป็น 3 ระยะย่อยๆ ตั้งแต่การหลับตื้นไปจนถึงการหลับลึกที่สุด ร่างกายจะซ่อมแซมตัวเอง ปล่อยฮอร์โมนการเจริญเติบโต และฟื้นฟูพลังงานในขั้นตอนนี้
REM sleep: เป็นช่วงที่สมองทำงานหนักและมีความฝันเกิดขึ้น ดวงตาจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อส่วนใหญ่ของร่างกายจะอยู่ในภาวะอัมพาตชั่วคราว (atonia) เพื่อป้องกันไม่ให้เราเคลื่อนไหวตามความฝัน ช่วง REM sleep มีบทบาทสำคัญในการรวมความทรงจำ การประมวลผลอารมณ์ และการเรียนรู้
เราจะสลับไปมาระหว่าง NREM และ REM sleep ตลอดทั้งคืน โดยปกติแล้ว REM sleep จะเริ่มขึ้นประมาณ 90 นาทีหลังจากที่เราหลับไป และจะเพิ่มระยะเวลามากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของการนอนหลับ
สาเหตุของการนอนหลับไม่สนิทในช่วง REM sleep
การนอนหลับไม่สนิทในช่วง REM sleep มักจะเกี่ยวข้องกับภาวะที่เรียกว่า REM Sleep Behavior Disorder (RBD) ซึ่งเป็นภาวะที่กล้ามเนื้อไม่เกิดภาวะอัมพาตชั่วคราวตามปกติ ทำให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวตามความฝันได้ อาจมีการพูดคุย ตะโกน ต่อย เตะ หรือแม้กระทั่งลุกขึ้นเดินในขณะหลับได้ ทำให้เกิดอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่นที่นอนข้างๆ ได้
สาเหตุหลักๆ ของการนอนหลับไม่สนิท หรือการเกิด RBD มีดังนี้:
1. REM Sleep Behavior Disorder (RBD)
ความผิดปกติของสมอง: โดยปกติแล้ว สมองจะมีกลไกควบคุมไม่ให้กล้ามเนื้อขยับในระหว่าง REM sleep แต่ในผู้ป่วย RBD กลไกนี้ทำงานผิดปกติ ทำให้สามารถแสดงพฤติกรรมตามความฝันออกมาได้
ความสัมพันธ์กับโรคทางระบบประสาท: RBD มักมีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับโรคทางระบบประสาทที่เสื่อมลง (neurodegenerative disorders) เช่น โรคพาร์กินสัน (Parkinson's disease), ภาวะสมองเสื่อม Lewy body (Lewy body dementia) และ ภาวะสมองเสื่อม Multiple System Atrophy (MSA) โดย RBD อาจเป็นสัญญาณเตือนแรกของโรคเหล่านี้ได้นานหลายปีก่อนที่จะมีอาการอื่นๆ ปรากฏ
ยาบางชนิด: ยาบางกลุ่ม โดยเฉพาะยาต้านเศร้า (antidepressants) และการถอนยาบางชนิด เช่น แอลกอฮอล์ หรือสารเสพติด อาจเป็นสาเหตุให้เกิด RBD ได้
โรคหลับใน (Narcolepsy): ผู้ป่วยโรคหลับในบางรายก็อาจมีอาการ RBD ร่วมด้วยได้
2. REM Rebound
ภาวะ REM Rebound เกิดขึ้นเมื่อร่างกายพยายามชดเชยการขาด REM sleep โดยการเพิ่มระยะเวลาของ REM sleep ในวงจรการนอนหลับครั้งต่อไป ซึ่งอาจทำให้เกิดการนอนหลับที่ผิดปกติหรือไม่สนิทได้ สาเหตุของ REM Rebound ได้แก่:
การอดนอน (Sleep Deprivation): การนอนหลับไม่เพียงพอเป็นเวลานานๆ ทำให้ร่างกายต้องการ REM sleep มากขึ้นเมื่อได้นอน
ความเครียด: ความเครียดสะสมสามารถส่งผลกระทบต่อรูปแบบการนอนและกระตุ้นให้เกิด REM Rebound ได้
การถอนยาหรือสารเสพติด: การหยุดใช้ยาบางชนิดที่ไปกดการทำงานของ REM sleep เช่น แอลกอฮอล์ หรือยาบางประเภท อาจทำให้เกิด REM Rebound ได้
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea - OSA): การหยุดหายใจซ้ำๆ ระหว่างนอนหลับทำให้การนอนถูกขัดจังหวะ และอาจนำไปสู่ REM Rebound ได้
3. ปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้การนอนหลับไม่สนิท
แม้ว่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับ REM sleep เสมอไป แต่ปัจจัยเหล่านี้ก็สามารถทำให้การนอนหลับโดยรวมไม่สนิทได้:
ปัญหาสุขภาพ: เช่น อาการปวดเรื้อรัง, โรคภูมิแพ้, โรคหอบหืด, การต้องลุกเข้าห้องน้ำบ่อยๆ, โรคเกี่ยวกับปอดหรือหัวใจ
ความเครียดและความวิตกกังวล: ทำให้จิตใจไม่สงบและหลับไม่สนิท
พฤติกรรมการนอนที่ไม่ดี: เช่น การนอนไม่เป็นเวลา, การใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน, การรับประทานอาหารมื้อหนักใกล้เวลานอน
การบริโภคคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์: สารกระตุ้นเหล่านี้สามารถรบกวนวงจรการนอนหลับได้
สภาพแวดล้อมในการนอน: ห้องนอนที่ร้อนเกินไป สว่างเกินไป หรือมีเสียงดัง สามารถรบกวนการนอนได้
โรคการเคลื่อนไหวขาอยู่ไม่สุข (Restless Leg Syndrome - RLS): เป็นความผิดปกติของการเคลื่อนไหวที่ทำให้รู้สึกไม่สบายขา และอยากขยับขาตลอดเวลา ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงเย็นหรือกลางคืน ทำให้หลับยากและหลับไม่สนิท
การรับมือกับการนอนหลับไม่สนิทในช่วง REM sleep
หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการนอนหลับไม่สนิท หรือมีพฤติกรรมผิดปกติขณะหลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงออกตามความฝัน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมค่ะ การรักษาสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น การใช้ยาเพื่อควบคุมอาการ, การจัดการความเครียด, การปรับปรุงสุขอนามัยการนอน และในบางกรณีอาจต้องพิจารณาตรวจหาสัญญาณของโรคทางระบบประสาทอื่นๆ ด้วยค่ะ