ความหมายของโลหะในพระเครื่อง รู้จักกับเนื้ออัลปาก้า เนื้อช้อนส้อม และเนื้อชิน


ความหมายของโลหะในพระเครื่อง: รู้จักกับเนื้ออัลปาก้า เนื้อช้อนส้อม และเนื้อชิน

ในวงการพระเครื่องและวัตถุมงคล การสร้างเหรียญพระเครื่องและพระบูชานั้นมีการใช้โลหะหลายชนิดเป็นวัตถุดิบ ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและความหมายที่แตกต่างกันไปตามส่วนผสมที่ใช้ โดยหลักๆ แล้ว พระเครื่องเนื้อโลหะสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้:

1. พระเนื้อทองคำ

เป็นเนื้อโลหะที่มีค่ามากที่สุด ทองคำเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและความศักดิ์สิทธิ์

2. พระเนื้อเงิน

โลหะเงินมีคุณสมบัติที่เป็นประกายงดงามและทนทาน มีค่าในเชิงศิลปะและเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์

3. พระเนื้อทองแดง

ทองแดงเป็นโลหะที่ได้รับความนิยมสูงในงานศิลปะไทย โดดเด่นในเรื่องความแข็งแรงและสามารถขึ้นรูปได้ง่าย

4. พระเนื้อโลหะผสม

โลหะผสมคือการนำโลหะหลายชนิดมาผสมกันเพื่อสร้างคุณสมบัติที่ต้องการ มีการแบ่งออกเป็นชนิดย่อยๆ ได้แก่:

  • เนื้อทองเหลือง: โลหะผสมระหว่างทองแดงและสังกะสี สัดส่วนทั่วไปคือทองแดง 75% สังกะสี 25% มีสีเหลืองอร่ามและคงทน

  • เนื้อทองฝาบาตร: เป็นทองเหลืองที่ผ่านการปั๊ม มีความเงางามและนิยมใช้ในงานพระเครื่อง

  • เนื้อขันลงหิน: เป็นโลหะผสมระหว่างทองแดงและดีบุก เรียกกันว่า "บรอนซ์" ซึ่งมีความแข็งแรงและเสียงกังวาน ใช้ทำระฆังและพระบูชา

นวโลหะและโลหะผสมอื่นๆ

  • นวโลหะ: โลหะผสม 9 ชนิดที่มีส่วนผสมสำคัญ เช่น ทองคำ เงิน ทองแดง ปรอท และเหล็กละลายตัว เป็นต้น โดยมีระดับที่ต่ำกว่าคือ เบญจโลหะ (5 ชนิด) และสัตตโลหะ (7 ชนิด)

  • เนื้อชิน: โลหะผสมระหว่างดีบุกและตะกั่ว พระเนื้อชินเป็นที่นิยมในสมัยโบราณ พบได้ในพระกรุ เช่น กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก มีหลายประเภท ได้แก่ เนื้อชินเงิน เนื้อสนิมแดง และเนื้อสนิมแดงตะกั่ว

  • เนื้ออัลปาก้า: โลหะผสมระหว่างทองแดงและนิกเกิล สัดส่วนทองแดง 75% นิกเกิล 25% เป็นโลหะที่มีสีเงินและเงางาม

  • เนื้อช้อนส้อม (อัลปาก้าเปลือย): โลหะผสมที่มีทองแดง 83% นิกเกิล 17% ทำให้โลหะนิ่มขึ้นและมีสีเหลืองมากกว่าอัลปาก้า

  • เมฆพัดและเมฆสิทธิ์: โลหะผสมที่เกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุ มีแร่ธาตุต่างๆ เช่น เหล็ก ทองแดง ดีบุก และเงิน ผ่านกระบวนการหลอมรวมที่มีการบริกรรมพระคาถา

  • สัมฤทธิ์ (สำริด): โลหะผสมที่ประกอบด้วยทองแดง ดีบุก เงิน และทองคำ นิยมใช้ทำพระบูชาและรูปหล่อขนาดใหญ่

โลหะเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคล แต่ยังมีความหมายและคุณค่าทางศิลปะและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า