พรหมลิขิต EP.23 : ผิน แย้ม จุดเริ่มต้นบ่วงกรรม

 


พี่ผิน-พี่แย้ม ทำไม 2 คนนี้มันถึงรักแม่นายทั้ง ๆ ที่มันโดนตบ โดนตี

สร้างความตื่นเต้นอย่างไม่หยุดด้วยละครภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่บนช่อง 3 ของ บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น โดยผู้จัดการผลิตท่าน หน่อง อรุโณชา ที่ได้เปิดตัวตัวละครพิเศษ 4 ตัวที่น่าติดตามจริง ๆ คือ แม่ทัพอนิลบถ (ภณ ณวัสน์) เจ้าหญิงอทิตยา (น้ำหวาน ภูริตา) ฑิฆัมพรราชา (เพื่อน คณิน) และ พระนางจันทราวดี (หลิงหลิง ศิริลักษณ์) เริ่มต้นเรื่องราวของการปลุกปั่นกระแสพลังเวทมนตร์ที่เปลี่ยนแปลงชะตามหลายบรรพกาล เเต่ไม่เพียงเท่านี้เท่านั้น ยังมีตัวละครพิเศษที่ทำให้ผู้ชมตกใจไปอีก เช่น พี่ผิน-พี่แย้ม ที่มีนักแสดงคือ หยา จรรยา และ นุ่น รมิดา ที่มีบทบาทในละคร "บุพเพสันนิวาส" ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะมีการปรากฎตัวในตอนที่ 1,000 ปี นี้ แต่กลับกลายเป็นที่น่าสนใจและเป็นที่ประทับใจมากขึ้น เป็นที่เจริญรอยตามทั่วทั้งทอล์กออฟเดอะทาวน์ และเป็นแฮชแท็กที่ได้รับความนิยมที่สูงมากทั้งในไทยแลนด์และทั่วโลก ด้วยเรื่องราวที่น่าติดตามและไม่มีที่สิ้นสุด

งานนี้ไม่รอให้ชะตากรรมนาน เนื่องจากหยา จรรยา มีโอกาสมาแสดงความคิดเกี่ยวกับตัวละครลับๆ ซึ่งทำให้ความตื่นเต้นมีอยู่ตลอด เพราะเรื่องต้องเล่าต่อในพาร์ทถัดไป ในบทประพันธ์เดียวกัน จริง ๆ ต้องบอกว่าแม้จะมีเนื้อเรื่องที่อาจารย์แดงเขียนไว้เพียงส่วนหนึ่ง แต่บทละครก็ถูกขยายออกไปอีก โดยผู้กำกับนำเรื่องมาขยายเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีคำถามจากผู้ชมว่าทำไมต้องมีความรักทั้งสองฝ่ายถึงขนาดนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกทำร้าย ถูกตี หรือถูกตบ แต่ความรักกลับไม่หลุดจากใจ ทำไมพวกเขาต้องมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนขนาดนี้ เป็นอย่างไรที่อีพีมื้อคืนนั้นกลับเป็นตัวตอบคำถามของทุกคนได้ดีขนาดนี้ เพราะเรามีกรรมร่วมกันมาตั้งแต่แรก เราได้ไปสร้างกรรมร่วมกัน เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องมาพบกันทุกช่วงเวลา

ฝั่ง นุ่น รมิดา ก็ได้พูดถึงการแสดงในพาร์ทนี้ให้ฟังว่า "เซอร์ไพรส์เหมือนกันนะ ที่รู้ว่าพี่ผินและพี่แย้มเป็นตัวต้นเหตุในยุคพันปี ซึ่งในพาร์ทพันปีนี้เราไปถ่ายทำกันที่ ‘อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง’ และ ‘ปราสาทเมืองต่ำ’ ด้วยสถานที่ที่เราไป ในยุคอารยธรรมหนึ่งในพันปีที่แล้วสิ่งนี้มันอ้างอิงถึงได้ก็มันทำให้รู้สึกถึงการแสดงได้ลึก มันเป็นพาร์ทแค่สั้น ๆ ก็จริงแต่ว่าน้องทุกคนก็ทำเต็มที่ นุ่นว่ามันดีตรงที่ว่ามันไม่มีไดอะล็อกเยอะมันเป็นภาพเล่าเรื่องทำให้ดูขลัง ถ้าเป็นไดอะล็อกมันจะเหมือนละครเลยถูกไหมแต่พอมันเป็นแค่ภาพเล่าเรื่องมันเลยดูเหมือนมีความเชื่อว่ามันไม่ต้องพูดไรกันเยอะ เราเพียงเล่าว่าเรื่องมันเป็นยังไง"

ด้าน หยา จรรยา ยังเปรยถึงบรรยากาศในการถ่ายทำให้ฟังอีกว่า "ตอนแรกคิดว่าจะร้อนมากนี่เอาตู้แอร์ไปด้วยเอาขึ้นรถตู้ไป ปรากฏฝนตกแล้วเราถ่ายเอาท์ดอร์หมด วันแรกพอไปถึงก็ไปไหว้ขึ้นไปที่ปราสาทหินพนมรุ้งเลยเราก็ตั้งแท่นไหว้พระศิวะไหว้ฟ้าดิน ก็หยุดตอนที่เรากินข้าวเสร็จแล้วเริ่มทำงานพอดีทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดีถ่ายเร็วด้วย สองวันที่ถ่ายก็คือแบบแฮปปี้หนึ่งก็ไม่ได้เจออาการที่ร้อนขนาดนั้นแต่สถานที่จริงสวยมากจริง ๆ แม้ว่าฝนจะตกนิดหน่อย เสื้อผ้าหน้าผมพาร์ทนี้พี่หน่องก็จัดเต็มงานอลังการจริง ๆ"

และ นุ่น รมิดา ฝากถึงความพิเศษของละครให้ฟังว่า "แม้ว่าจะเป็นเรื่องในยุคสมัยช่วงท้ายของอยุธยาที่อาจจะหาการบันทึกหรือการจดบันทึกเพื่อที่จะเล่าถึงยากมากมันเป็นยุคสมัยที่ถูกพูดถึงน้อย แต่เรื่องนี้ได้พูดถึงในเรื่องของจังหวะนั้นได้อย่างสวยงาม สิ่งที่อาจารย์แดงทำให้เราเห็นในบุพเพสันนิวาสว่าทุกตัวละครมันมีความต้องการ ทุกคนไม่ขาว ทุกคนไม่ดำ ทุกคนคือเทา ๆ ในความเทาทุกคนมีความต้องการของตัวเองอยู่แล้วมันก็มีสิ่งนี้ในพรหมลิขิตแล้วนอกจากเรื่องของประวัติศาสตร์ที่เข้มข้นแล้วน่าติดตาม เรื่องวัฒนธรรมเรื่องอาหารเพียบ ก็อยากให้ละครเป็นซอฟต์พาวเวอร์ตลอดไป เราอยากช่วยสนับสนุนมันไม่ใช่แค่บุพเพสันนิวาสหรือพรหมลิขิตที่นักแสดงจะดังขึ้นแต่มันทำให้ประเทศของเราไปไกลมากขึ้น"

เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายกันแล้วตัวละคร พี่ผิน-พี่แย้ม จะมีบทสรุปยังไง ออเจ้าเตรียมคว้ารีโมทดูไปพร้อมกัน ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3 ดูทีวีกด 33 ดูมือถือกด 3Plus

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า