ปลาทูสดและปลาทูนึ่งเป็นปลาทูชนิดเดียวกัน แต่ผ่านกระบวนการที่แตกต่างกัน ทำให้มีลักษณะ รสชาติ และการใช้งานที่ต่างกัน ดังนี้
ความแตกต่างที่สำคัญ
ข้อดี:
รสชาติ: เนื้อหวานฉ่ำ ได้รสชาติความสดจากท้องทะเลอย่างเต็มที่
เนื้อสัมผัส: เนื้อนุ่มละเอียด ไม่แห้งกระด้าง
ความหลากหลาย: สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งทอด ต้ม นึ่ง หรือทำเป็นปลาซาซิมิสำหรับผู้ที่ชอบ
ข้อเสีย:
ความยุ่งยาก: ต้องนำมาทำความสะอาด ควักไส้ และเตรียมก่อนปรุงอาหาร
การเก็บรักษา: เก็บได้ไม่นาน ต้องรีบใช้ หรือแช่แข็งเพื่อยืดอายุ
วิธีเลือกซื้อปลาทูสด:
ตา: ต้องใส นูน และไม่ขุ่นมัว
เหงือก: มีสีแดงสด ไม่ซีดหรือคล้ำ
ผิวหนัง: หนังเรียบไม่มีรอยขาด สีเขียวเงินสดใส มีเมือกใสๆ
เนื้อ: กดแล้วเนื้อแน่น เด้งคืน ไม่ยุบเป็นรอยนิ้ว
ปลาทูนึ่ง
ข้อดี:
ความสะดวก: พร้อมใช้งานทันที ไม่ต้องทำความสะอาดเพิ่ม สามารถนำไปทอดหรือปรุงอาหารได้เลย
การเก็บรักษา: สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานกว่าปลาทูสด
ความปลอดภัย: ผ่านการนึ่งจนสุกแล้ว ลดความเสี่ยงจากพยาธิหรือเชื้อโรค
ข้อเสีย:
รสชาติ: ความหวานของเนื้อปลาจะลดลงบ้างจากกระบวนการนึ่ง และบางครั้งอาจมีความเค็มจากเกลือที่ใช้ในการนึ่ง
เนื้อสัมผัส: เนื้อจะแน่นขึ้นเล็กน้อย อาจไม่นุ่มเท่าปลาทูสด
วิธีเลือกซื้อปลาทูนึ่ง:
กลิ่น: มีกลิ่นหอมจากการนึ่ง ไม่เหม็นหืนหรือเหม็นเน่า
รูปร่าง: ตัวสั้น ป้อม แบน หรือที่เรียกกันว่า "หน้างอคอหัก"
เนื้อ: เนื้อแน่น ไม่ยุ่ย กดแล้วไม่เละ
ผิวหนัง: ผิวตึง ไม่มีรอยขาดหรือถลอก
สรุป: ควรเลือกแบบไหนดี?
การเลือกระหว่างปลาทูสดและปลาทูนึ่งขึ้นอยู่กับ เมนูที่จะทำ และ ความสะดวก ของคุณ
เลือก "ปลาทูสด" หากคุณต้องการรสชาติที่หวานฉ่ำเป็นพิเศษ เนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน และมีเวลาในการทำความสะอาดและเตรียมปลา
เลือก "ปลาทูนึ่ง" หากคุณต้องการความสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก หรือนำไปทำเมนูที่เน้นความอร่อยของเนื้อที่แน่นและปรุงรสเพิ่ม เช่น น้ำพริกปลาทู หรือยำปลาทู